แม่สุดช้ำ ชีวิตลูกสาว 6 ขวบต้องมาแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพราะความสะเพร่า ก่อนตับวายเสียชีวิต.!

คุณแม่ใจสลาย สูญเสียลูกสาววัย 6 ขวบไปก่อนวัยอันควร ร้องขอความเป็นธรรมแก่โรงพยาบาลดัง เผยอุทาหรณ์ ลูกน้อยป่วยเป็นตับอักเสบ แต่ระหว่างการการ...


คุณแม่ใจสลาย สูญเสียลูกสาววัย 6 ขวบไปก่อนวัยอันควร ร้องขอความเป็นธรรมแก่โรงพยาบาลดัง เผยอุทาหรณ์ ลูกน้อยป่วยเป็นตับอักเสบ แต่ระหว่างการการรักษา เจอความสะเพร่าหลายอย่าง จนในที่สุดลูกตับวายเสียชีวิต


คุณวิลาวรรณ ติ๊ก ดอนหาเทา คุณแม่ผู้สูญเสีย โพสต์เล่าเหตุลูกสาววัย 6 ขวบป่วยตับอักเสบ ก่อนตับวายจนเสียชีวิต กังขาการทำงานของโรงพยาบาลดัง “แชร์…….!!!!!!! ต่อๆ ไป อ่านไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ เมื่อหนึ่งชีวิตต้องมาแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพราะความสับเพร่า ฝากเรื่องนี้ถึงผู้ใหญ่ทุกๆ ท่านด้วย หนูอยากขอคำปรึกษาและขอความเป็นธรรมให้กับน้องหน่อยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า…น้องที่เห็นอยู่ในภาพด่านล่างเป็นลูกสาวของหนูเองค่ะ อายุ 6 ขวบ เดิมน้องเป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งก็เป็นที่รักของครอบครัวและญาติๆ ทุกๆ คน เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 61 น้องมีไข้พร้อมกับอาการปวดท้อง หนูก็เลยพาน้องไปหาหมอที่ รพ. อำเภอใกล้บ้าน


จากนั้นสองวันหมอได้ส่งฉุกเฉินน้องไปรักษาต่อที่ รพ. ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม ตลอดระยะเวลาหมอได้ให้การรักษาด้วยการฉีดยาแก้ปวดเพื่อระงับอาการปวดและอาการดิ้นพร้อมกรีดร้องด้วยเสียงบ่นที่ว่า…หนูปวดท้องๆๆ ช่วยด้วยๆๆ เป็นเวลานานหลายวัน เบื้องต้นคุณหมอแจ้งกับทางญาติว่าน้องป่วยเป็น “ตับอักเสบ” จากนั้นมาอาการก็เริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ตลอดระยะเวลาจึงได้คุยกับคุณหมอที่จังหวัดมหาสารคาม ตั้งแต่น้อง Admit ได้ 3 วัน เพื่อจะขอย้ายน้องไปรักษาที่ รพ. ขอนแก่น เพราะอาการน้องไม่ดีขึ้นเลย จึงให้ทาง รพ. ประสานเพื่อจะย้ายน้องไป แต่ทาง รพ. แจ้งว่าประสานไปแล้ว…แล้วเรื่องก็เงียบไปเหมือนเดิม ให้รักษาที่นี้ไปก่อน (….เกิดคำถามขึ้นว่าจะรอให้ลูกหนูอาการโคม่ารึใช้ท่อช่วยหายใจก่อนหรอค่ะถึงจะส่งไปได้) แต่หมอแจ้งว่าทาง รพ. ขอนแก่น ได้ส่งยามาให้แทนแล้วเปลี่ยนตัวยาดูเผื่อดีขึ้น


วันเวลาผ่านไปจากชั่วโมงกลายเป็นวัน จากวันกลายเป็นเดือน อาการของน้องที่เริ่มจะทรุดลงเรื่อยๆ เพราะขอย้ายไปรักษาต่อก็ไม่ส่งต่อ น้องบ่นปวดท้องก็ฉีดยาแก้ปวดท้องกะแก้ท้องอืด น้องดิ้นน้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ฉีดยาฆ่าเชื้อ (…..รึกระบวนการและศักยภาพทางการแพทย์รักษาคนป่วยด้วยวิธีนี้แล้วหรอค่ะ….)


จนกระทั่งถึงวันที่ 24 มี.ค. 61 ทาง รพ.ที่ จ.มหาสารคามได้ Refer น้องมาที่ ขอนแก่น เพื่อจะทำการฉายแสง กระทั่งถึงระหว่างทางถึงมีการโทรประสานงานกันกับทาง สายแสง ขอนแก่น (….เหตุที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดคือ..ระหว่างนั่งอยู่ในรถโรงบาลหมอแจ้งกับหนูว่าที่ สายแสง ขอนแก่น เครื่องฉายแสงพัง!!!!! จึงต้องพาน้องกลับมาที่ รพ. ใน จ. มหาสารคามก่อน (….นี่มันคืออะไรค่ะ สรุปไม่มีการเตรียม ไม่มีการประสานงาน ไม่มีการพยากรณ์โรคล่วงหน้า รึวางแนวทางในการรักษาเลยหรอ) วันที่ 25 มี.ค. 61 จึงได้ Refer น้องมาที่ สายแสง. ขอนแก่น อีกครั้งเพื่อทำการฉายแสง ฉายแสงเสร็จ อ้าว…!!!! ส่งน้องกลับที่ รพ. ใน จ.มหาสารคามอีกครั้งเฉยเลย ประมาณสองทุ่มน้องบ่นปวดท้องหนักมากพร้อมกับอาเจียนออกมาเป็นเลือดช่วงตี5 เลือดไหลออกมาไม่หยุด พร้อมกับหมดสติไปในทันใด (…นึกภาพหัวอกคนเป็นแม่เมื่อเห็นลูกดิ้นทรมานด้วยความเจ็บปวด) หมอแจ้งว่าน้องเสียเลือดไปมากพร้อมกับผลเอ็กซเรย์สมองตอนนี้บวมหมดแล้วเนื่องจากมีเลือดคลั่ง (หนูก็ไม่เข้าใจหรอกภาษาทางการแพทย์…หนูไม่ได้เรียนหมอมา ถ้าเรียนมาหนูคงไม่ปล่อยให้เด็กนอนให้หมอฉีดยาแก้ปวดและยาฆ่าเชื้อเล่นอยู่เป็นเดือนแบบนี้หรอก…วันที่ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนในครอบครัวหนู)


เช้าวันที่ 26 มี.ค. 61 น้องอยู่ในอาการที่เรียกว่า “โคม่า” ทุกสิ่งทุกอย่างแย่ไปหมดทั้งสภาพร่างกายน้องไม่มีการรับรู้ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดใด หมอจึงได้ทำการใส่ท่อเพื่อช่วยหายใจแล้วนำส่งฉุกเฉินมาที่ รพ. ขอนแก่น (…เกิดคำถามขึ้นเต็มหัวหนู…? วันนี้เตียงไม่เต็มแล้วหรอค่ะถึงส่งต่อได้และ แล้วทำไมก่อนหน้านี้เป็นเดือนบอกส่งไปยังไม่ได้) พอมาถึง รพ. ขอนแก่น หมอได้ใช้เข็มเจาะเพื่อที่จะขยายเส้นเลือดใหญ่ แต่…!!! ทำเข็มหัก ?????? จึงต้องทำการผ่าตัดเพื่อที่จะเอาเข็มออก (นี่คืออะไรหรอค่ะ..? รู้ทั้งรู้ว่าเด็กอาการโคม่า แถมการผ่าตัดไม่ได้อยู่รักษาเกี่ยวกับตัวโรคเลย มันความผิดพลาดของ รพ. มั้ยแบบนี้)


หลังจากนั้นมาสองวันแพทย์เจ้าของไข้เรียกญาติเข้าไปพบ พร้อมกับแจ้งว่า “ให้ทุกคนทำใจ” น้องป่วยด้วยโรค “ตับวาย” น้องมีโอกาสรอดแค่ 20% เท่านั้น คือทุกคนช็อคกับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งก่อนหน้าที่จะ Refer น้องมาโดยไม่มีการประสานกันนั้น ก่อนที่จะทำการฉายแสง ก่อนที่จะมีการเจาะเส้นเลือดแล้วทำเข็มหักจึงต้องได้ผ่าตัดเอาเข็มออก ย้อนไปหลังวันที่ 24 มี.ค. 61 น้องยังคุย ยังเล่น ยังสื่อสารได้เป็นปกติ พอเวลามันยืดยาวจากแค่ฉีดยาแก้ปวดมาจะเป็นเดือนแล้วพึ่งคิดได้ว่าจะมาเริ่มรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้ เวลาแค่ 4 วันหลังจากทำมา ผลออกมาคือ ลูกหนูอยู่ได้เพราะแค่เครื่องอ๊อกซิเจนไปแล้วซ่ะงั้น ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม…….ทำไมๆๆๆๆๆๆ ไม่ช่วยลูกหนู และไม่ดูไม่มีความรอบครอบมากกว่านี้ ชีวิตทั้งชีวิต…คนนะค่ะไม่ใช่ผักปลา ครอบครัวหนูไม่ได้มีเงินทองมากพอที่จะรักษาเอกชน ไม่งั้นคงไม่ฝากชีวิตน้องไว้กับการทำงานแบบนี้ด้วยการฉีดยาแก้ปวดท้อง แก้ท้องอืด นานเป็นเดือนหรอกค่ะ


คำถามที่หนูสงสัย..? อยากให้ผู้ใหญ่ผู้ที่มีความรู้ไขข้อเหตุการณ์นี้

1. ตั้งแต่วันแรกที่ว่าเป็นตับอักเสบและมีตับโตและตลอดเวลาที่ Admit อยู่ รพ. ใน จ.มหาสารคาม ขอย้ายน้องมาที่ รพ. ขอนแก่น เพราะความพร้อมในเรื่องเครื่องทางการแพทย์และมีแพทย์เฉพาะทางน่าจะพร้อมกว่า ทำไมบอกว่าประสานแล้ว ให้รอไปก่อน เตียงไม่ว่าง..!!

2. เข้าใจว่าคนไข้ที่อยู่ในภาวะที่ร่างกายอ่อนแรง “โคม่า” การเคลื่อนย้ายยิ่งจะทำให้อาการทรุดและแย่ลงไปมาก ทำไมไม่ย้ายในตอนที่ร่างกายยังมีปฏิกิริยาตอบสนองดีๆ จะอ้างแบบนั้นเพื่อ…??


3. แล้ววันที่มีการ Refer รอบแรกเพื่อจะทำการฉายแสงทำไมไม่มีการประสานกันล่วงหน้าก่อนเคลื่อนย้ายคนไข้

4. ในวันที่ 26 มี.ค. 61 คือเป็นสิ่งที่สงสัยมากๆ ทำไมวันที่น้องแทบจะสิ้นลมแล้วถึงย้ายได้ เตียงมันว่างตอนไหนถ้าคุณว่าประสานให้แล้ว หรือมันแค่ความบังเอิญมีคนย้ายออก ลูกหนูเลยได้ครองเตียงพอดี

5. แล้วการผ่าตัดที่ไม่ได้อยู่ใน Plan การรักษาหรือเกี่ยวกับ Symptom คนไข้เลย ขอบคุณนะค่ะ…!! เข้าใจว่าพยายามช่วย แต่ทำไมไม่มีความรอบคอบรึวางแผนการรักษาให้มันรัดกุม ทั้งๆที่คนไข้อ่อนแรงอาการอยู่ในภาวะ โคม่าแล้ว ทำไมถึงพลาดทำเข็มหักในเส้นหลอดเลือดใหญ่

6. สุดท้ายถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณหมอรึของพี่ๆพยาบาลเอง รึเป็นลูกเป็นคนในครอบครัวคุณเอง คุณจะรู้สึกยังไง กับเส้นทางการรักษาโรคแบบนี้

#โลกสวยไม่ต้องอ่านก็ได้นะค่ะ หัวอกคนเป็นแม่คงไม่ต่างจากหนู ณ ตอนนี้ คงไม่มีอะไรจะเสียใจเท่านี้อีกแล้ว..!!”


ขอบคุณข้อมูลจาก วิลาวรรณ ติ๊ก ดอนหาเทา
CR. social.jarm.com

You Might Also Like

0 comments